สุขภาพและกีฬา

5 เหตุผลที่พนักงานบริษัทต้องทำประกันสุขภาพ OPD

บริษัทที่ทำงานอยู่ ก็ทำ ประกันสุขภาพ กลุ่มไว้ให้กับพนักงานทุกคนอยู่แล้ว เจ็บป่วย หาหมอ ก็ใช้ประกันของบริษัทไปสิ แค่นี้ก็จบปิ้ง ก็น่าจะพอแหละมั้ง...มั้งนะ
fwd-jan-articlebanner-2732x1537-1.webp

เดี๋ยวก่อน...เอาดีๆ แน่ใจไหมว่าประกันสุขภาพที่มีวันนี้ หาหมอแบบผู้ป่วยในแต่ละทีไม่ต้องจ่ายเพิ่ม วงเงินค่ารักษาผู้ป่วยนอก (OPD) ที่มีเบิกค่าหมอ ค่ายาได้ “เพียงพอ” จริงๆ หรือเปล่า...

หลายคนวางใจกับประกันสุขภาพกลุ่มของบริษัทเพียงอย่างเดียว เพราะคิดว่าหากป่วยหรือไม่สบายก็ใช้ประกันของบริษัทหรือประกันสังคมที่มีก็ได้ ก็น่าจะพอ เดี๋ยวก่อน…หากลองคิดดูอีกทีจะรู้ว่า ประกันกลุ่มและประกันสังคมมีข้อจำกัดอยู่นะ บางครั้งวงเงินค่ารักษาไม่พอ ทำให้ต้องจ่ายส่วนต่างค่ารักษาเพิ่มเติมเอง บางทีก็ไม่สะดวกเดินทางไปรับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิ์ของประกันสังคมที่ได้เลือกไว้ ก็ต้องจ่ายเพิ่มอยู่ดี จะดีกว่าไหมถ้าทะลายข้อจำกัดเรื่องความคุ้มครองได้

ทำไมพนักงานบริษัทต้องซื้อประกันสุขภาพ OPD ?

1. วงเงินค่ารักษาผู้ป่วยนอก (OPD) ไม่เพียงพอ

พอหรือไม่พอจะรู้ได้อย่างไร? หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องจ่ายค่ารักษาเพิ่มเวลาที่ไปหาหมอ วงเงินประกันสุขภาพของคุณน่าจะไม่เพียงพอแล้วแหละ

ลองเช็กดูว่าประกันสุขภาพกลุ่มของคุณมีวงเงินค่ารักษาผู้ป่วยนอก (OPD) เท่าไร มีจำกัดวงเงินในการรักษาแต่ละครั้งหรือไม่ จากนั้นลองสังเกตว่าโรงพยาบาลที่คุณไปหาเป็นประจำส่วนมากมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไร เพื่อที่จะได้เลือกซื้อประกันสุขภาพตามวงเงินที่เหมาะสม แต่หากไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดี ประกันสุขภาพที่มีค่ารักษาผู้ป่วยนอก (OPD) แบบเหมาจ่ายแบบไม่จำกัดค่ารักษาต่อครั้ง และไม่แยกค่าใช้จ่ายให้จุกจิกก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ คลิก >> ประกัน OPD คุ้มครบ จบหายห่วง 
fwd-jan-articlebanner-2732x1537-2.webp

2. ค่ารักษาเพิ่มขึ้น แต่ประกันสุขภาพวงเงินเท่าเดิม

ค่าข้าวแกงยังปรับราคาขึ้นเลย! นับประสาอะไรกับค่าหมอ ค่าห้อง ค่ายากันหละ โรงพยาบาลเค้าก็ปรับราคาขึ้นเหมือนกัน แต่วงเงินประกันสุขภาพของบริษัทที่เราๆ มีนั้นเท่าเดิมนะ ไม่ได้ปรับขึ้นตามค่าครองชีพ การทำประกันสุขภาพกับพนักงานออฟฟิศ ก็เหมือนเป็นออปชั่นเสริมความคุ้มครองที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมมากขึ้นนั่นเอง

3. เวลาจำกัด

ถ้าวงเงินค่ารักษาของประกันสุขภาพกลุ่มไม่พอ ก็ใช้ประกันสังคมได้นิน่า! ได้สิ...เพียงแต่ประกันสังคมต้องรักษาเฉพาะโรงพยาบาลตามสิทธิ์ของประกันสังคมที่ได้เลือกไว้เท่านั้น ใช้สิทธิ์ต่างโรงพยาบาลไม่ได้ ยกเว้นผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินที่สามารถรับการรักษาด้วยประกันสังคมที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ แต่บางทีก็ไม่ว่างจริงๆ อาจจะไม่สะดวก เวลาน้อย ลางานไม่ได้ ต้องรีบหาหมอ แล้วรีบกลับไปทำงานต่อ การทำประกันสุขภาพกับพนักงานออฟฟิศ ก็เหมือนเป็นอีซี่พาสช่วยย่นเวลาไปหาหมอของคุณ แถมหาที่ไหนก็ได้ตามโรงพยาบาลในเครือข่าย สบายไปอีก



fwd-jan-articlebanner-2732x1537-3.webp

4. เพิ่มทางเลือกในการ “วางแผนช่วงวัยเกษียณ”

อย่าลืมว่า วันนี้ทำงานบริษัทมีประกันสุขภาพกลุ่ม แต่ถ้าเกษียณแล้วสวัสดิการตรงนี้ก็จะหมดไปเหมือนกัน ถ้าถึงวันนั้นหาหมอแล้วต้องควักเงินจ่ายเองก็จะทำใจยากหน่อยๆ ที่ต้องเบิกเงินที่เก็บไว้มาจ่ายค่ารักษา แถมจะแพลนก็ยาก เราควรเตรียมเงินไว้รักษาตัวเท่าไรดีถึงจะพอกันหล่ะ? การทำประกันสุขภาพกับพนักงานออฟฟิศ ก็เหมือนเป็นการกันวงเงินไว้เป็นค่ารักษาหลังเกษียณแบบไม่กระทบเงินออมนั่นเอง

5. ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้

ถ้าในปีนั้นๆ แข็งแรงดีไม่เจ็บป่วย ถือว่าดีมากๆ ที่สุขภาพแข็งแรง ก็นำค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายไปใช้เพื่อยื่นหักลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริง สูงสุดถึง 25,000 บาท (อ้างอิงประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ฉบับที่ 383)

เมื่อนับเหตุผลดีๆ ที่ควรซื้อ ประกันสุขภาพ ได้ 5 ข้อแล้ว ก็อย่าลืมมองหาประกันสุขภาพมาเติมเต็มความคุ้มครองที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมมากขึ้นไปอีกกันด้วย หากใครยังตัดสินใจไม่ได้  ซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี ลองดู “ประกัน OPD คุ้มครบ จบหายห่วง”

  • ป่วยหนัก ป่วยเบา เหมาจ่าย ทุกการรักษา
  • หมดปัญหา หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ครอบคลุม
  • OPD แบบเหมาจ่ายทั้งปี ไม่มีลิมิตต่อครั้ง ตั้งแต่แผนแรก
  • IPD ผู้ป่วยใน ค่าห้องสูง นอนสบาย ไม่แยกค่าใช้จ่ายให้จุกจิก

 

ข้อดีของ“ประกัน OPD คุ้มครบ จบหายห่วง” ยังมีอีกเพียบ ตามไปอ่านเพิ่มได้ที่นี่ คลิก >> ประกัน OPD คุ้มครบ จบหายห่วง 
แชร์